เคล็ดลับ คู่บ้าน - ดูแลสวนให้สวยด้วยขยะจากก้นครัว

ขยะจากเศษอาหารที่เรานำออกไปทิ้งกันในแต่ละวันนั้นเมื่อรวมๆกันเข้าแล้วมีปริมาณมากมายเหลือเกิน คงจะดีนะคะถ้าสามารถนำขยะเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ต่อได้ Filmpro จึงนำเคล็ดลับสำหรับนำขยะสดบางประเภทมาให้ดูแลสวน

1.นม ถ้าหากสังเกตเห็นว่าต้นไม้เหมือนจะเป็นเชื้อรา หรือเป็นราน้ำค้างให้นำนมใส่กระบอกฉีดสเปรย์ แล้วฉีดลงไปที่ต้นไม้นั้น นมสามารถช่วยต้นไม้ต่อสู้กับเชื้อราได้นะคะ

2.เปลือกไข่ หลาย ๆ คนอาจเคยได้ยินว่าการโยนเปลือกไข่ลงไปบริเวณโคนต้นไม้จะช่วยเพิ่มแคลเซียม แต่เราสามารถทำได้ดีกว่านั้น เนื่องจากเปลือกไข่มีขนาดพอเหมาะพอดีที่จะเพาะเมล็ดพันธุ์พืช ดังนั้นแทนที่จะตอกไข่ให้แตกด้วยวิธีเดิม ๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นใช้เข็ม หรือของแหลม ค่อย ๆ เจาะรูบนเปลือกไข่ เทไข่ออกมาปรุงอาหาร ส่วนเปลือกนั้น ก็ค่อย ๆ ใส่ดินและเมล็ดพันธุ์ลงไป เลี้ยงจนต้นอ่อนพร้อมจะย้ายลงกระถางหรือลงดินต่อไปได้ ด้านโคนของเปลือกไข่ ก็ต้องกระเทาะออก เพื่อให้รากงอกออกมาได้ เปลือกไข่ ยังมีประโยชน์อย่างอื่นอีก นั้นคือหากบ้านใครมีปัญหา กับเรื่องของตัวทาก และหอยทาก ก็ให้ทุบเปลือกไข่ แล้วโรยบริเวณโคนต้นไม้ จะช่วยป้องกันไม่ให้ทากมากัดกินพืชได้

3.เปลือกกล้วย ให้หั่นเปลือกกล้วยออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วโรยไว้ที่โคนต้นไม้ จะช่วยป้องกันเพลี้ยได้ นอกจากนั้น เปลือกกล้วย ยังช่วยเพิ่มฟอสฟอรัส และโปรตัสเซียม ให้กับดินได้อีกด้วย และฟอสฟอรัส จะทำให้รากพืชแข็งแรง พร้อมออกดอกออกผล ส่วนโปรตัสเซียมช่วยให้กลไกต่าง ๆ ของพืชทำงานได้ดี ว่าจะเป็นการหายใจ การสร้างอาหาร และ การดูดซึมอาหาร

4.เปลือกส้ม ปัญหาเรื่องตัวเพลี้ย เป็นปัญหาที่น่าปวดหัว สำหรับคนทำสวนออร์แกนิค แต่เปลือกส้มกลับช่วยได้ ในเปลือกของพืชตระกูลส้มจะมีน้ำมันที่เรียกกว่าไลโมนินเป็นส่วนประกอบ และมันมีฤทธิ์ในการทำลายตัวเพลี้ย

5.กากกาแฟ ช่วยเพิ่มไนโตรเจน มีส่วนผสมของคลอโรฟิลล์ ซึ่งมีความสำคัญต่อการสังเคราะห์แสงของพืช และเรายังสามารถใช้กากกาแฟคลุมดิน แต่ต้องไม่ให้หนาเกินไป ไม่เช่นนั้น อากาศและน้ำจะผ่านได้ไม่สะดวก กากกาแฟ จะช่วยป้องกับทากและหอยทากได้ด้วย

6.ผักกาด ในการนำผักกาดมาปลูกอีกครั้ง ให้เอาหัวของมันมาใส่ในโถหรือในถ้วย ใส่น้ำลงไปประมาณครึ่งนิ้ว นำไปไว้ในที่ๆ มีแสงส่องอาจจะเป็นบริเวณหน้าต่าง เปลี่ยนน้ำทุกสองสามวัน เมื่อมันแตกก็ให้เปลี่ยนลงดิน วิธีการเดียวกันนี้สามารถใช้กับหัวหอมและต้นหอมได้ด้วย โดยให้สังเกตว่า เมื่อรากมีความยาวประมาณ 1-2 นิ้วก็ให้นำลงดิน